Deep learning การเรียนรู้เชิงลึก เป็นยังไง?

Deep learning

ถ้าคุณเคยได้ยินคำว่า “AI” หรือ “ปัญญาประดิษฐ์” คุณอาจเคยได้ยินอีกคำหนึ่งที่ถูกพูดถึงบ่อยพอ ๆ กัน นั่นคือ Deep Learning หรือภาษาไทยว่า การเรียนรู้เชิงลึก ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจของ AI ยุคใหม่ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ “ฉลาด” ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

แต่ Deep Learning คืออะไร? มันเกี่ยวอะไรกับสมองของมนุษย์? แล้วใช้ทำอะไรได้จริงบ้าง?
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก Deep Learning แบบเข้าใจง่าย ไม่ต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์ก็อ่านรู้เรื่อง

Deep Learning คืออะไร?

Deep Learning (ดีปเลิร์นนิง) คือสาขาหนึ่งของ Machine Learning ที่พยายามสอนให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้จากข้อมูลแบบ “เลียนแบบสมองมนุษย์”
โดยใช้โครงข่ายประสาทเทียม (Artificial Neural Networks) ซึ่งมีหลายชั้นซ้อนกัน (จึงเรียกว่า “deep” หรือ “ลึก”) เพื่อประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำ

ตัวอย่างง่าย ๆ ที่ใช้ Deep Learning คือ:

  • ระบบจดจำใบหน้าในมือถือ

  • ระบบแปลภาษาแบบอัตโนมัติ

  • รถยนต์ไร้คนขับ

  • Chatbot ที่เข้าใจภาษาคนจริง ๆ

ทำไมต้องใช้ Deep Learning?

ในอดีต AI ต้องอาศัยคนใส่กฎต่าง ๆ ลงไปทีละข้อ เช่น ถ้าเจอ A ให้ทำ B
แต่ Deep Learning ช่วยให้คอมพิวเตอร์ “เรียนรู้กฎเหล่านั้นเอง” จากข้อมูลจำนวนมหาศาล
ยิ่งมีข้อมูลมาก ระบบยิ่งเรียนรู้แม่นขึ้น

ข้อดีคือ:

  • ไม่ต้องโปรแกรมทุกเงื่อนไขด้วยมือ

  • ทำงานได้กับข้อมูลที่ซับซ้อน เช่น รูปภาพ เสียง ภาษา

  • ประสิทธิภาพสูงในงานที่มนุษย์ทำได้ยาก เช่น แยกใบหน้าหลายล้านใบในไม่กี่วินาที

Deep Learning ทำงานยังไง?

การทำงานของ Deep Learning เปรียบเหมือนสมองของเรา
มี “นิวรอน” หลายล้านจุดที่เชื่อมโยงกันเป็นชั้น ๆ
ในคอมพิวเตอร์ เราเรียกมันว่า Neural Network ซึ่งประกอบด้วย:

  • Input Layer: รับข้อมูลเข้า เช่น พิกเซลของภาพ

  • Hidden Layers: ประมวลผลแบบลึก ซ้อนกันหลายชั้น

  • Output Layer: ให้ผลลัพธ์ เช่น บอกว่าสิ่งนี้คือแมวหรือหมา

แต่ละนิวรอนจะ “น้ำหนัก” หรือความสำคัญไม่เท่ากัน และจะปรับค่าตามข้อมูลที่เรียนรู้
สิ่งนี้เรียกว่า การฝึกโมเดล (Training)

ตัวอย่างการใช้งาน Deep Learning ในชีวิตจริง

  • Facebook / Google Photos ใช้จดจำใบหน้าอัตโนมัติ

  • Netflix / YouTube แนะนำวิดีโอที่คุณน่าจะชอบ

  • Google Translate แปลภาษาแบบไม่ต้องพิมพ์คำศัพท์ทีละคำ

  • รถยนต์ Tesla ตรวจจับวัตถุบนถนนแบบเรียลไทม์

  • แอปแต่งภาพ AI ที่เปลี่ยนใบหน้าเป็นการ์ตูนได้ทันที

ข้อจำกัดของ Deep Learning

แม้จะฉลาดมาก แต่ Deep Learning ก็มีข้อจำกัด เช่น:

  • ต้องใช้ข้อมูลปริมาณมาก

  • ใช้พลังประมวลผลสูง (ต้องใช้ GPU / Cloud)

  • โมเดลที่ซับซ้อนอาจตีความได้ยากว่าทำไมถึงตัดสินใจแบบนั้น (เรียกว่า Black Box)

สรุป

Deep Learning คือเทคโนโลยีที่ทำให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้ได้ลึกซึ้งและยืดหยุ่นมากขึ้น
แม้เบื้องหลังจะซับซ้อน แต่หลักการก็ไม่ต่างจากการที่คนเราฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ จากประสบการณ์
วันนี้มันคือเบื้องหลังของหลายสิ่งที่เราใช้ทุกวัน และในอนาคตจะยิ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมากกว่านี้อีกแน่นอน

เข้าใจ Deep Learning = เข้าใจโลกยุค AI
ไม่ต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ก็รู้ทันเทคโนโลยีได้

สมัครสมาชิก
ทางเข้าเล่น